รูปหน้าปก

รู้ก่อนสร้าง! วิธีเลือกกระเบื้องกันลื่น

พื้นเป็นอีกส่วนประกอบหนึ่งที่สำคัญสำหรับสิ่งปลูกสร้าง นอกจากความสวยงามของลวดลายแล้วต้องคำนึงถึงฟังก์ชั่นในการใช้งานและความปลอดภัยด้วย การเลือกใช้กระเบื้องกันลื่นจะช่วยลดอัตราการเกิดอันตรายลง เพื่อความปลอดภัยของทุก ๆ คนในการใช้งาน

ทำความรู้จักกับค่า R คือ

ค่า Slip Resistance Rating (หรือ R Rating) ถูกใช้เพื่อวัดความปลอดภัยของพื้นผิวที่มีความเสี่ยงในการลื่นไหล โดยมีค่าตั้งแต่ R9 ถึง R13 ซึ่งบ่งบอกถึงระดับความปลอดภัยตามลำดับที่สูงขึ้น

  • R9: พื้นผิวที่มีความลื่นในการใช้งานปกติ 
  • R10: พื้นผิวที่มีความลื่นปานประมาณ ใช้ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
  • R11: พื้นผิวที่มีความลื่นปานกลางถึงสูง ใช้ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง
  • R12: พื้นผิวที่มีความลื่นปานกลางถึงสูงมาก ใช้ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงมาก
  • R13: พื้นผิวที่มีความลื่นสูงสุด ใช้ในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด

วัสดุของกระเบื้องกันลื่นแต่ละชนิด

วัสดุที่ใช้ในการผลิตกระเบื้องกันลื่นมีหลายชนิดและส่วนประกอบต่าง ๆ ที่สามารถมีผลต่อคุณสมบัติและการใช้งาน

  • กระเบื้องเซรามิก (Ceramic Tiles): กระเบื้องเซรามิกเป็นที่นิยมในการใช้ในที่ทำงานหรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการลื่นไหลมี ความแข็งแรง ทนทานต่อการสกปรก และมีความทนทานต่อการสึกหรอ
  • กระเบื้องโปรซีลีน (Porcelain Tiles): เป็นประเภทของกระเบื้องเซรามิกที่ทนทานและเหมาะสำหรับการใช้งานที่มีความเสี่ยงในการลื่นไหล มักมีความหนาแน่นสูงและเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทาน
  • กระเบื้องกระเบื้องยาง (Rubber Tiles): กระเบื้องยางมักถูกใช้ในที่ทำงานที่มีน้ำหล่นตกตอนแตะถิ่นเดินหรือที่มีความเสี่ยงในการลื่นไหล มีความยืดหยุ่นและทนทานต่อการทรุด
  • กระเบื้องโมเสค (Mosaic Tiles): กระเบื้องโมเสคมักมีขนาดเล็ก ๆ และสามารถช่วยเพิ่มความลื่นและความสวยงาม
  • กระเบื้องกระเบื้องพื้นเทคโนโลยีเกลียว (Anti-slip Technology Tiles): กระเบื้องที่ออกแบบมีเทคโนโลยีเกลียวที่ช่วยเพิ่มความลื่นของพื้นผิว
  • กระเบื้องกระเบื้องโพรพีลีน (Polyolefin Tiles): มักมีความทนทานต่อสารเคมีและทนทานต่อสึกหรอ
  • กระเบื้องกระเบื้องน้ำหล่น (Non-slip Tiles): กระเบื้องที่ออกแบบมีพื้นผิวพิเศษที่ช่วยลดความเสี่ยงในการลื่นไหล

พื้นผิวของกระเบื้องกันลื่น

กระเบื้องกันลื่นมีพื้นผิวหลายชนิดสามารถเลือกใช้ตามความชอบ หรือตามการใช้งานในสิ่งปลูกสร้างแต่ละประเภท

  • กระเบื้องผิวสัมผัสหยาบ (Anti-Slip): มีลักษณะพื้นผิวที่หยาบหรือมีลายการออกแบบที่ช่วยเพิ่มความยึดมั่น เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการลื่นไหลสูง
  • กระเบื้องผิวสัมผัสเรียบด้าน (Matt): มีพื้นผิวที่เรียบ เนื้อแมทต์ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่ต้องการความเรียบหรูและไม่ต้องการความแวววาว
  • กระเบื้องผิวสัมผัสมันวาว (Polish): มีลักษณะมันวาวดูสวยงาม เหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องการความอลังการ 
  • กระเบื้องผิวสัมผัสเงา ไม่มันวาว (Soft polish): มีลักษณะเงาแต่ไม่มีการมันวาวมาก เหมาะสำหรับใช้ในที่ทำงานหรือพื้นที่ที่ต้องการความสวยงามและความทนทาน
  • กระเบื้องผิวสัมผัสกึ่งเงากึ่งด้าน (Hon): มีลักษณะเงากึ่งด้าน เหมาะสำหรับใช้ในสถานที่ที่ต้องการความสวยงามและความทนทาน
  • กระเบื้องผิวสัมผัสด้านขัดเงา (Lappato): มีลักษณะผิวสัมผัสที่ด้านขัดเงา เหมาะสำหรับใช้ในที่ทำงานหรือพื้นที่ที่ต้องการความสวยงาม
  • กระเบื้องผิวสัมผัสสากมาก (Grip): มีลักษณะพื้นผิวที่มีสากมากและช่วยเพิ่มความยึดเกาะ เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการลื่นไหล

นอกจากการคำนวณหาค่า R และกระเบื้องแต่ละชนิดมีความกันลื่นในตัวเอง ยิ่งพื้นผิวหลายยิ่งช่วยกันลื่นได้เยอะ แต่ทำความสะอาดยากเพราะอาจะมีเศษฝุ่นลงไปเกาะตามพื้นผิวที่มีความขรุขระได้ง่าย นอกจากนั้นกระเบื้องกันลื่นในปัจจุบันมีโทนสีและลวดลายสวยงามให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของดีไซน์ที่วางไว้อีกด้วย ทั้งปลอดภัย ทั้งสวยงาม น่าจะถูกใจเจ้าของบ้านแลผู้ประกอบการหลายคนเลยทีเดียว

อยากได้บ้านสวยหรือสร้างโรงงานสวย ดี มีมาตรฐาน ต้องปรึกษา FU LU SHOU Architecture บริษัทรับออกแบบและสร้างอาคารต่าง ๆ  ที่ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นโดยทีมงานสถาปนิกคุณภาพมากประสบการณ์ มั่นใจในผลงงานและผลลัพธ์ที่ได้คุณภาพตามความต้องการของลูกค้า พร้อมให้คำปรึกษาเรื่องฮวงจุ้ยเพื่อเสริมพลังงานที่ดีให้กับบ้านและการดำเนินธุรกิจ